The Forever Purge (2021) คืนอำมหิต: อำมหิตไม่หยุดฆ่า
VIDEO

เรื่องย่อ : The Forever Purge (2021) คืนอำมหิต: อำมหิตไม่หยุดฆ่า
ดูหนัง The Forever Purge (2021) คืนอำมหิต: อำมหิตไม่หยุดฆ่า
The Forever Purge เป็นภาพยนตร์ในแนวสยองขวัญและแอ็คชั่นที่เป็นภาคต่อของซีรีส์ The Purge ซึ่งถูกกำกับโดย Everardo Gout และเขียนบทโดย James DeMonaco ผู้สร้างซีรีส์นี้ขึ้นมา เรื่องราวเกิดขึ้นในโลกที่มนุษย์สามารถฆ่ากันได้อย่างอิสระในช่วงคืนอำมหิต แต่ในภาคนี้มีการขยายเรื่องราวให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของการฆ่าฟันในสังคมและความรุนแรงที่ไม่จบสิ้น
นักแสดงในเรื่อง
นักแสดงที่มีผลงานเด่นใน The Forever Purge ได้แก่:
- Ana de la Reguera รับบทเป็น Adela
- Tenoch Huerta รับบทเป็น Juan
- Will Patton รับบทเป็น Dwight
- Leven Rambin รับบทเป็น Harper
- Josh Lucas รับบทเป็น Detective
คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes
คะแนนจาก IMDB สำหรับ The Forever Purge อยู่ที่ประมาณ 5.5/10 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ชมมีความเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนคะแนนจาก Rotten Tomatoes อยู่ที่ 39% โดยคะแนนจากผู้ชมอยู่ที่ 62% แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจจากนักวิจารณ์ แต่ยังมีผู้ชมบางกลุ่มที่ชื่นชอบ
สรุปเนื้อเรื่อง
ใน The Forever Purge เรื่องราวเริ่มต้นหลังจากคืนอำมหิตที่ 12 ซึ่งเป็นคืนที่ผู้คนสามารถฆ่ากันได้อย่างอิสระ แต่ในปีนี้กลับมีผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมหยุดการฆ่าฟันและเริ่มสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับระบบการฆ่าฟันนี้ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากกลุ่มคนเหล่านี้ในขณะที่พยายามหาความปลอดภัยในโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
เรื่องราวเน้นไปที่คู่รัก Adela และ Juan ที่ต้องพยายามหาวิธีเอาชีวิตรอด พร้อมกับกลุ่มคนที่ต้องการหยุดยั้งความรุนแรงนี้ พวกเขาต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงการที่ระบบสังคมไม่สามารถควบคุมความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ ในขณะที่คู่รักนี้ต้องเรียนรู้ถึงความสำคัญของการยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความปลอดภัยของตนเองและคนรอบข้าง
ภาพยนตร์นี้ไม่เพียงแค่เป็นการนำเสนอความรุนแรงและการฆ่าฟันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาสังคมและการเมืองในสังคมอเมริกัน สิ่งที่ทำให้ The Forever Purge แตกต่างจากภาคก่อน ๆ ก็คือการมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบในระยะยาวของความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในขณะที่ตัวละครต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถทำได้ถึงขนาดนี้
ด้วยการดำเนินเรื่องที่ชวนคิดและเต็มไปด้วยความตึงเครียด The Forever Purge จึงเป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจทั้งในแง่ของความบันเทิงและข้อคิดเกี่ยวกับสังคมที่เราอาศัยอยู่