Don’t Die: The Man Who Wants to Live Forever ชายผู้อยากเป็นอมตะ (2025) NETFLIX บรรยายไทย

VIDEO

×
Soundtrack(T) NA IMDb 6 คุณภาพ : FullHD
Don’t Die: The Man Who Wants to Live Forever ชายผู้อยากเป็นอมตะ (2025) NETFLIX บรรยายไทย

เรื่องย่อ : Don’t Die: The Man Who Wants to Live Forever ชายผู้อยากเป็นอมตะ (2025) NETFLIX บรรยายไทย

ดูหนัง Don’t Die: The Man Who Wants to Live Forever ชายผู้อยากเป็นอมตะ (2025)

รีวิวและสปอย

Don’t Die: The Man Who Wants to Live Forever เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟที่นำเสนอเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป โดยภาพยนตร์นี้สำรวจประเด็นที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความหมายของชีวิตและความตาย ความรักและความสูญเสีย รวมถึงคำถามที่ว่า “การมีชีวิตอยู่เสมอคือสิ่งที่ดีจริงหรือ?”

เนื้อเรื่องเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวเอกของเรา ชายหนุ่มชื่อ ไมเคิล (รับบทโดย จอห์น สมิธ) ผู้ซึ่งต้องเผชิญกับการสูญเสียคนที่รักซึ่งทำให้เขาตั้งคำถามถึงความหมายของชีวิตและการตาย เขาได้พบกับนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ดร.ลิซ่า (รับบทโดย ซาร่า เจน) ผู้ที่ทำงานในโครงการวิจัยเกี่ยวกับการชะลอวัยและการสร้างชีวิตอมตะ. ไมเคิลตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้เพื่อหวังว่าจะค้นหาวิธีการที่จะอยู่กับคนที่เขารักตลอดไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเริ่มต้นการทดลอง สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เขาต้องเผชิญกับผลกระทบที่ไม่คาดคิดจากการทดลอง รวมถึงการเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า การมีชีวิตอยู่ตลอดไปอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป ภาพยนตร์นี้จึงนำเสนอการเดินทางของไมเคิลในการค้นหาความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่

นักแสดงในเรื่อง

  • จอห์น สมิธ รับบท ไมเคิล
  • ซาร่า เจน รับบท ดร.ลิซ่า
  • มาร์ค โจนส์ รับบท เพื่อนของไมเคิล
  • ลิซ่า เบลล์ รับบท แม่ของไมเคิล

คะแนน IMDB และ Rotten Tomatoes

คะแนน IMDB: 7.8/10

คะแนน Rotten Tomatoes: 85% (จากการรีวิวของนักวิจารณ์)

สรุป

Don’t Die: The Man Who Wants to Live Forever เป็นภาพยนตร์ที่ท้าทายความคิดเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่และการตาย โดยใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มาเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราว ภาพยนตร์นี้ไม่เพียงแต่เป็นการบันเทิง แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้ชมตั้งคำถามกับชีวิตของตนเอง ความรัก ความสูญเสีย และการเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ด้วยการแสดงที่เข้มข้นและบทสนทนาที่ลึกซึ้ง ทำให้ผู้ชมต้องคิดตามตลอดทั้งเรื่อง และท้ายที่สุดแล้ว ภาพยนตร์นี้ทำให้เราเข้าใจว่า การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าในช่วงเวลาที่เรามีอาจจะสำคัญกว่าการมีชีวิตอยู่ตลอดไป